วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555

การเขียนโปรแกรมบนเว็บ 30/10/2555


1.Script


ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ script (สคริปต์) เป็นโปรแกรม หรือชุดของคำสั่งที่ใช้แปล หรือนำออก โดยโปรแกรมอื่นไม่ใช่โดยโพรเซสเซอร์ เหมือนกับโปรแกรมแบบ compiler บางภาษามีการตีความเป็นภาษาสคริปต์ ที่มีความนิยมกันคือ Proctical Extraction and Reporting Language (PERL) , Restructurecl Extended Executor (บน IBM เมนเฟรม) , Java Script และ TC1/Tk ในบริษัทของ wold wide web, Perl, Vbscript และภาษาสคริปต์ที่คล้ายกัน จะได้รับการเขียน เพื่อดูแลรูปแบบการนำเข้า หรือบริการอื่น ๆ สำหรับ web site และประมวลผลบน web sever ส่วน Java Script เป็นสคริปต์ที่เว็บเพจทำงานด้านลูกข่ายบน web browser
โดยทั่วไปภาษาสคริปต์เขียนได้ง่าย และเร็วกว่าภาษาโครงสร้าง และภาษาคอมไพล์ เช่น C และ C++ และแนวคิดของโปรแกรม มีข้อจำกัดความสามารถ หรือการใช้ใหม่ และเชื่อมกับภาษาคอมไพล์ อย่างไรก็ตามสคริปต์ใช้เวลา ในการทำงานนานกว่าภาษาคอมไพล์ เนื่องจากแต่ละคำสั่ง ต้องดูแลโดยโปรแกรมอื่นก่อน (ต้องการคำสั่งเพิ่มขึ้น) แทนที่โดยตรงกับคำสั่งพื้นฐานของโพรเซสเซอร์
script บางครั้งใช้ในความหมาย รายการคำสั่งของระบบปฏิบัติการ ที่เก็บไว้ก่อนในไฟล์ และทำงานตามลำดับ โดยตัวแปลคำสั่งของระบบปฏิบัติการ เมื่อรายการชื่อมีการป้อนเข้าเป็นคำสั่งเดียว
โปรแกรมการพัฒนามัลติมีเดีย ใช้ "script" ในความหมายของชุดคำสั่งที่ผู้ใช้เข้า ระบุชุดของไฟล์มัลติมีเดียในการนำเสนอ (เช่น ชุดของภาพและเสียง, เวลา)


2.Server-side scripting
เป็นเทคโนโลยีที่สคริปต์ทำงานบนบนฝั่งเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งแตกต่างกับ Client-side scripting อย่างJavascriptที่ทำงานบนฝั่งclient และยังใช้สำหรับสร้างเว็บเพจแบบมีการตอบสนอง (dynamic) ซึ่งอยู่ในรูปแบบเว็บแอปพลิเคชัน

3.Client Side Script คือ สคริปต์ที่ทำงานที่ฝั่งไคลเอนต์ ถูกประมวลผลด้วยโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ของผู้ใช้ และแสดงผลเป็นเว็บเพจออกมาให้ผู้ใช้ดู มีจุดเด่นตรงที่สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ได้อย่างรวดเร็ว และเนื่องจากสคริปต์ชนิดนี้ทำงานที่ฝั่งผู้ใช้เอง จึงไม่มีข้อจำกัดในการเลือกใช้เซิร์ฟเวอร์ ซึ่งก็หมายความว่า เว็บเซิร์ฟเวอร์จะเป็นระบบปฏิบัติการใดๆ ก็ได้
4. PHP นั้นเป็นภาษาสำหรับใช้ในการเขียนโปรแกรมบนเว็บไซต์ สามารถเขียนได้หลากหลายโปรแกรมเช่นเดียวกับภาษาทั่วไป อาจมีข้อสงสัยว่า ต่างจาก HTML อย่างไร คำตอบคือ HTML นั้นเป็นภาษาที่ใช้ในการจัดรูปแบบของเว็บไซต์ จัดตำแหน่งรูป จัดรูปแบบตัวอักษร หรือใส่สีสันให้กับ เว็บไซต์ของเรา แต่ PHP นั้นเป็นส่วนที่ใช้ในการคำนวน ประมวลผล เก็บค่า และทำตามคำสั่งต่างๆ อย่างเช่น รับค่าจากแบบ form ที่เราทำ รับค่าจากช่องคำตอบของเว็บบอร์ดและเก็บไว้เพื่อนำมาแสดงผลต่อไป แม้แต่กระทั่งใช้ในการเขียนCMS ยอดนิยมเช่น Drupal , Joomla พูดง่ายๆคือเว็บไซต์จะโต้ตอบกับผู้ใช้ได้ ต้องมีภาษา PHP ส่วน HTML หรือ Javascript ใช้เป็นเพียงแค่ตัวควบคุมการแสดงผลเท่านั้น

5.เอสคิวแอล (SQL) คือ ภาษาสอบถามข้อมูล หรือภาษาจัดการข้อมูลอย่างมีโครงสร้าง มีการพัฒนาภาษาคอมพิวเตอร์ และโปรแกรมฐานข้อมูลที่รองรับมากมาย เพราะจัดการข้อมูลได้ง่าย เช่น MySQL, MsSQL, PostgreSQL หรือ MS Access เป็นต้น สำหรับโปรแกรมฐานข้อมูลที่ได้รับความนิยมคือ MySQL เป็น Open Source ที่ใช้งานได้ทั้งใน Linux และ Windows

6. phpMyAdmin เป็นส่วนต่อประสานที่สร้างโดยภาษาพีเอชพี ซึ่งใช้จัดการฐานข้อมูล MySQL ผ่านเว็บเบราว์เซอร์ โดยสามารถที่จะทำการสร้างฐานข้อมูลใหม่ หรือทำการสร้าง TABLE ใหม่ๆ และยังมี function ที่ใช้สำหรับการทดสอบการ query ข้อมูลด้วยภาษา SQL พร้อมกันนั้น ยังสามารถทำการ insert delete update หรือแม้กระทั่งใช้ คำสั่งต่างๆ เหมือนกับกันการใช้ภาษา SQL ในการสร้างตารางข้อมูล
ในส่วนของการแสดงผลหน้าแรกเมื่อเข้าสู่หน้า แสดงผล phpMyAdmin จะแสดงรุ่นของ phpMyAdmin ที่ใช้งานอยู่ พร้อมทั้งสามารถที่จะจัดการกับรหัสอักขระที่ใช้ในการเก็บข้อมูล ฝั่ง เมนูด้านซ้ายจะแสดงข้อมูลของฐานข้อมูลปัจจุบัน (DATABASE NAME) และเมื่อทำการเลือกแล้วจะแสดงโครงสร้างของ ตารางข้อมูล 

7. PostgreSQL (โพสต์เกรสคิวเอล) ชื่อเดิมคือ Postgres (โพสต์เกรส) เป็น DBMS เป็นระบบจัดการฐานข้อมูลแบบ object-relational database management system หรือ (ORDBMS) พัฒนาที่ University of California, Berkeley (มหาวิทยาลัย) เริ่มโครงการโดย Michael Stonebraker เมื่อปี พ.ศ. 2528 ในยุคแรกชื่อของระบบเรียกว่า post-Ingres เนื่องมาจากจากเป็นระบบที่มีวิวัฒนาการมาจากระบบจัดการฐานข้อมูล Ingres
คุณสมบัติสำคัญของ PostgreSQL คือการมีคุณสมบัติ ACID ((Atomicity, Consistency, Isolation, Durability) ครบถ้วนโดยสนับสนุน foreign keys, joins, views, triggers, และ stored procedures (หลายภาษา) โดยมีชนิดข้อมูลใน SQL92 และ SQL99 ได้แก่ INTEGER, NUMERIC, BOOLEAN, CHAR, VARCHAR, DATE, INTERVAL, และ TIMESTAMP
นอกจากนี้ PostgreSQL ยังทำงานในหลายแพลทฟอร์มได้แก่ Linux, UNIX (AIX, BSD, HP-UX, SGI IRIX, Mac OS X, Solaris, Tru64), และ Windows
ลักษณะสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ PostgreSQL เป็นซอฟต์แวร์แบบรหัสเปิดใช้ลิขสิทธิ์ BSD ซึ่งหมายถึงผู้ใช้สามารถนำไปใช้งานได้ฟรี นอกจากนี้ในปัจจุบัน PostgreSQL ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมขององค์กรใดโดยเฉพาะแต่มีผู้ร่วมพัฒนาจากทั่วโลกทำให้ PostgreSQL มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

8. PgAdmin III คือ โปรแกรมสำหรับช่วยในการเขียน SQL กับฐานข้อมูล PostgreSQL
ผมก็ใช้อยู่เหมือนกัน  เวบภาษาไทยอาจจะน้อยไปหน่อยครับ  ถ้าต้องการใช้ PgAdmin III ก็เหมือนกับการเขียน SQL ด้วย Tool อื่นๆแหละครับ  แนะนำสำหรับมือใหม่ ถ้าคุ้นเคยกับ Microsoft  ก็ลองใช้ MS Access เขียน  SQL ออกมาก่อนแล้ว copy มาลงใน PgAdmin III  แต่ต้องปรับนิดหน่อยครับ เพราะบางฟังก์ชั่นใช้ไม่เหมือนกัน 

9.  IIS ย่อมาจาก Internet Information Service คือ เป็นโปรแกรมสำหรับการจำลองเครื่องของเราให้กลายเป็นเครื่องเว็บเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งมีไว้ให้บริการด้าน Server ในรูปแบบต่างๆของ Internetเช่น Web server r , FTP Server , SMTP Server  ฯลฯ ในระบบปฏิบัติการวินโดวส์ ถูกพัฒนาโดยบริษัทไมโครซอฟท์ ซึ่งในวินโดวส์เซิร์ฟเวอร์ 2003 นั้น เวอร์ชันของ IIS จะเป็นเวอร์ชัน 6.0 (IIS 6.0) ซึ่งทางไมโครซอฟต์ได้ทำการออกแบบโปรแกรมใหม่ทั้งหมด โดยเน้นในเรื่องความปลอดภัยเป็นพิเศษ เนื่องจากในเวอร์ชันก่อนหน้านั้นคือ IIS 5.0 ในวินโดวส์เซิร์ฟเวอร์ 2000 จะมีช่องโหว่ความปลอดภัยค่อนข้างมาก และที่สำคัญคือการมันจะถูกติดตั้งโดยดีฟอลท์พร้อมกับระบบปฏิบัติการ ซึ่งทำให้เกิดปัญหาด้านความปลอดภัยและเป็นช่องทางการระบาดของไวรัสต่างๆ เช่น Code Red และ Nimda ดังนั้น บนวินโดวส์เซิร์ฟเวอร์ 2003 นั้น IIS 6.0 จะไม่ทำการติดตั้งโดยดีฟอลท์พร้อมกับระบบปฏิบัติการแต่ผู้ใช้ต้องทำการติด ตั้งเองเมื่อต้องการใช้งาน และนอกจากนี้ IIS 6.0 ยังได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น ทำให้สามารถรองรับการใช้งานต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น และล่าสุดบริษัทไมโครซอฟท์ ได้ออกเวอร์ชั่นใหม่นั้นคือ IIS 7.0


10. ASP.NET คือ ความหมาย สำหรับคนที่ต้องการอยากจะ เรียน เขียนโปรแกรม ด้วยตัวเอง ถ้าหากว่า ยังไม่รู้ว่าจะเริ่ม ทำเว็บไซต์ ด้วยภาษาอะไรดี อาจจะเริ่มด้วย ASP.NET ก็อาจเป็นการดี เพราะว่า ASP.NET จัดเป็น ภาษา ที่ Microsoft ได้มุ่งเน้นพัฒนาเพื่อให้เป็น ภาษา ของ generation ยุคถัดไป ในโลกของ อินเตอร์เน็ต ยุคใหม่ หรือ ที่เรียกกันว่า Web2.0 ซึ่งเป็น Internet ยุคใหม่ ที่จะมาแทนที่ ยุคของ Internet ยุคเก่า (Web1.0) ซึ่งได้เน้นใช้ XML เป็นหลัก และคิดว่าในอนาคตจะต้องมาแทน HTML อย่างแน่นอน สำหรับ รายละเอียด จะได้กล่าวต่อไป แนวคิดของ .NET กับ โลกอินเตอร์เน็ต ยุคใหม่

.NET คือแนวคิดหนึ่งที่ Microsoft ได้ปลุกปั้นทุ่มทุนพัฒนา มาเป็นเวลานาน โดยเจ้า .NET นี้ได้มีแนวคิดที่ว่า จะนำเอา อุปกรณ์อิเล็คทรอนิค ทุกอย่างบนโลก มาเชื่อมโยงต่อกันเหมือนตาข่าย ตาม ความหมาย ของมัน หรืออยู่บน ระบบเครือข่าย .NET Framework ซึ่งจะทำให้ ผู้ใช้ทุกคนบนโลก ไม่จำเป็นต้องใช้ อินเตอร์เน็ต ผ่าน คอมพิวเตอร์ หรือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เช่นพวก ปาล์ม หรือ อุปกรณ์เกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ แต่อย่างใด ตัวอย่าง คุณลองนึกภาพดูว่า หากคุณคิดจะใช้ เตาอบไมโครเวฟ ใน การทำอาหาร อะไรสักอย่าง คุณเพียงแค่ต่อ อินเตอร์เน็ต ผ่านเครื่อง เตาไมโครเวฟ แล้วเลือกเอาว่า เมนูจานเด็ดวันนี้ จะทำอะไรดี หรือ เมนูจานเด็ด จาก เว็บไซต์ ที่ให้บริการ Web services ในเรื่อง การทำอาหาร ที่ในอนาคต จะไม่ได้มีอยู่แค่ Yahoo Google Amazon แต่เจ้าตัว Web services นี้ (ซึ่ง XML RSS จะมามีบทบาทสำคัญ กับ Web services ในอนาคต) ซึ่งเพียงแค่คุณเลือกเมนู การทำอาหาร จาก เว็บไซต์ ที่คุณโปรดปรานเท่านั้น เตาไมโครเวฟ ของคุณก็จะจัดการ ปรุงอาหาร ตามที่ เว็บไซต์ นั้น ได้ตั้งโปรแกรมไว้ ซึ่งแน่นอนว่า Web services ตัวอย่างข้างต้นนี้ จะเกิดขึ้นมาแน่

โดยทาง เว็บไซต์ ก็จะมีรายได้ จากการที่ผู้ใช้ หรือ สมาชิก ได้ใช้ บริการ Webservices ดังกล่าว ซึ่งทาง Microsoft เองได้วาดหวังว่า ในได้ก้าวเป็นผู้นำใน โลกอินเตอร์เน็ต ยุคใหม่ ที่จะเข้ามามี บทบาทสำคัญ กับ ชีวิต ประจำวัน ของพวกเราทุกคนอย่างแน่นอน กับโลก เทคโนโลยี ที่ก้าวไปอย่างไม่หยุดนิ่งนี้ แต่ ปัญหา มันมีอยู่ว่า อุปกรณ์อิเล็คทรอนิค ในหลายแขนง ล้วนถูก ออกแบบ มาต่างๆกัน การที่จะให้ อุปกรณ์ เหล่านั้นติดต่อสื่อสาร กันรู้เรื่องนั้น ย่อมเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก Microsoft เล็งเห็นจุดนี้ จึงได้พยายามที่จะคิดค้นสิ่งที่เป็น มาตรฐาน ขึ้น เพื่อให้อุปกรณ์ทุกๆชนิดทั่วโลก ติดต่อสื่อสาร กันได้อย่างรู้เรื่อง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าใน อนาคต เราจะเปิด เว็ปไซต์ เล่น อินเตอร์เน็ต ด้วย อุปกรณ์ อื่นๆนอกเหนือจาก คอมพิวเตอร์

11. JavaServer Pages (JSP) เป็น web-scripting เทคโนโลยีคล้ายกับ Netscape server-side JavaScript (SSJS) หรือ Microsoft Active Server Pages (ASP) แต่ผิดกันตรงที่หัวใจของ JSP คือ Java ซึ่งเป็นภาษาที่คอนเซ็ปหลักอยู่ที่ออฟเจ็ค (object-oriented style) ซึ่งช่วยทำให้ง่ายต่อการพัฒนาในโปรเจคใหญ่ ๆ ตลอดจนสามารถนำส่วนประกอบต่าง ๆ กลับมาใช้ได้อีก (software reusable) จุดเด่นที่สำคัญของ JSP คือสามารถทำงานได้โดยไม่ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตซอฟแวร์รายใดรายหนึ่งโดยเฉพาะ ซึ่งโดยทั่วไปเทคโนโลยีต่าง ๆ มักจะออกมาในลักษณะของผลิตภัณฑ์จากบริษัทผู้ผลิตแห่งใดแห่งหนึ่ง แต่ JSP ใช้ลักษณะของ specification ซึ่งกำหนดโดย Sun Microsystems ดังนั้นผู้ผลิตซอฟแวร์จึงสามารถอ้างอิง specification ที่กำหนดขึ้น ผลิต JSP Container (ตัวที่ใช้ในการรัน JSP) ขึ้นมาใช้กับแฟลตฟอร์มใดก็ได้ 

12.
  เป็นเทคโนโลยีที่คิดค้นก่อน JSP และนำเอาภาษาจาวามาใช้เป็นพื้นฐานบนเว็บเช่นเดียวกัน การทำงาน ของทั้งสองก็คล้ายกันทุกอย่าง แต่ JSP จะมีขั้นตอนที่เพิ่มขึ้นมาคือ การแปลงเอกสาร JSP ให้เป็น Servlet ก่อน สรุปก็คือ สุดท้ายเอกสาร JSP จะต้องถูกแปลงเป็น Servlet นั่นเอง สำหรับผู้ที่เคยใช้ Servlet มาบ้างจะรู้ดีว่า การแสดงผลของ Servlet จะค่อนข้างยุ่งยากเพราะไม่สามารถใส่แท็ก HTML แทรกเข้าไปได้ ต้องพิมพ์แท็ก HTML ออกมาเอง โดยใช้คำสั่ง out.print( ) แต่ถ้าเป็น JSP แล้วเราสามารถนำแท็ก HTML มารวมกับแท็ก JSP ได้เลย

ลองเปรียบเทียบเอกสาร JSP และ Servlet ทั้งสองตัวนี้
Servlet 
JSP    
out.print (”HTML”) ; 
 HTML
out.print (”BODY”) ; 
 BODY
out.print (”Hello World”) ; 
 %= “Hello World”%
out.print (”/BODY”) ; 
 /BODY
out.print (”/HTML”) ; 
 /HTML
           ตัวอย่างโค้ดทั้ง Servlet และ JSP จะให้ผลเหมือนกันคือพิมพ์คำว่า “Hello World” ออกมาที่บราวเซอร์ แต่จะเห็นว่าการใช้ JSP ทำให้การจัดหน้าตาของเอกสาร HTML ทำได้สะดวกขึ้นเพราะสามารถสร้างเอกสาร HTMLจากเครื่องมือต่างๆ ที่มีประสิทธิภาพต่างๆ เช่น Macromedia Dreamweaver หรือ MicrosoftFrontPage ก่อน แล้วค่อยนำแท็ก JSP เข้าไปแทรกภายหลัง ทำให้การแสดงข้อมูลเพื่อนำเสนอจะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ มากกว่า  

13. easyPHP เป็นชุดโปรแกรมที่รวบรวม PHP + Apache + MySQL + phpMyadmin หรือที่เรียกกันว่า "WAMP " ที่โดยรวมแล้วผมว่าความสามารถสูงกว่า Appserv เลยทีเดียว(ความเห็นส่วนตัว) โดยสิ่งที่น่าสนใจคือ
   ->สามารถจัดการ Virtual Hosts ได้แค่ไม่กี่คลิก(ในเวอร์ชั่นหลังๆต้องติดตั้งเพิ่มเติม)
   ->สามารถเลือกเปลี่ยนซอฟต์แวร์ในชุด โดยที่ไม่ต้องติดตั้งใหม่ทั้งชุด(แบบง่าย) โดยสิ่งที่ผมชอบใจที่สุด(ใช้งานมาแล้ว) คือการเปลี่ยนเวอร์ชั่น ของPHP โดยที่เราสามารถสวิช เวอร์ชั่นได้แค่ คลิก

14.   AppServ คือโปรแกรมที่รวบรวมเอา Open Source Software หลายๆ อย่างมารวมกัน
โดยมี Package หลักดังนี้
         - Apache
         - PHP
         - MySQL
         - phpMyAdmin
    โปรแกรมต่างๆ ที่นำมารวบรวมไว้ทั้งหมดนี้ ได้ทำการดาวน์โหลดจาก Official Release ทั้งสิ้น โดยตัว AppServ จึงให้ความสำคัญว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องให้เหมือนกับต้นฉบับ เราจึงไม่ได้ตัดทอนหรือเพิ่มเติมอะไรที่แปลกไปกว่า Official Release แต่อย่างได้ เพียงแต่มีบางส่วนเท่านั้นที่เราได้เพิ่มประสิทธิภาพการติดตั้งให้สอดคล้องกับการทำงานแต่ละคน โดยที่การเพิ่มประสิทธิภาพนี้ไม่ได้ไปยุ่ง ในส่วนของ Original Package เลยแม้แต่น้อยเพียงแต่เป็นการกำหนดค่า Config เท่านั้น เช่น Apache ก็จะเป็นในส่วนของ httpd.conf, PHP ก็จะเป็นในส่วนของ php.ini, MySQL ก็จะเป็นในส่วนของ my.ini ดังนั้นเราจึงรับประกันได้ว่าโปรแกรม AppServ สามารถทำงานและความเสถียรของระบบ ได้เหมือนกับ Official Release ทั้งหมด
    จุดประสงค์หลักของการรวมรวบ Open Source Software เหล่านี้เพื่อทำให้การติดตั้งโปรแกรมต่างๆ ที่ได้กล่าวมาให้ง่ายขึ้น เพื่อลดขั้นตอนการติดตั้งที่แสนจะยุ่งยากและใช้เวลานาน โดยผู้ใช้งานเพียงดับเบิ้ลคลิก setup ภายในเวลา 1 นาที ทุกอย่างก็ติดตั้งเสร็จสมบูรณ์ระบบต่างๆ ก็พร้อมที่จะทำงานได้ทันทีทั้ง Web Server, Database Server เหตุผลนี้จึงเป็นเหตุผลหลักที่หลายๆ คนทั่วโลก ได้เลือกใช้โปรแกรม AppServ แทนการที่จะต้องมาติดตั้งโปรแกรมต่างๆ ที่ละส่วน
    ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ความชำนาญในการติดตั้ง Apache, PHP, MySQL ก็ไม่ได้เป็นเรื่องง่ายเสมอไป เนื่องจากการติดตั้งโปรแกรมที่แยกส่วนเหล่านี้ให้มารวมเป็นชิ้นอันเดียวกัน ก็ใช้เวลาค่อนข้างมากพอสมควร แม้แต่ตัวผู้พัฒนา AppServ เอง ก่อนที่จะ Release แต่ละเวอร์ชั่นให้ดาวน์โหลด ต้องใช้ระยะเวลาในการติดตั้งไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง เพื่อทดสอบความถูกต้องของระบบ ดังนั้นจึงจะเห็นว่าเราเองนั้นเป็นมือใหม่หรือมือเก่า ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะติดตั้ง Apache, PHP, MySQL ในพริบตาเดียว
     มีบางคำถามที่พบบ่อยว่า AppServ สามารถนำไปเป็น Web Server หรือ Database Server ได้ทันทีหรือไม่ ข้อนี้ต้องตอบว่าได้แน่นอน 100% แต่ทางผู้พัฒนาเองขอแนะนำว่า ระบบจัดการ Memory และ CPU บน Windows ที่ทำงานเกี่ยวกับ Web Server หรือ Database Server ไม่เหมาะกับการใช้งานหนักๆ เป็นอย่างยิ่ง เพราะ Windows นั้นจะกลืนกินทรัพยากรอันมหาศาล และหากเทียบอัตรารองรับระบบงานกับ OS ตัวอื่นเช่น Linux/Unix จะยิ่งเห็นได้ชัดว่า OS ที่ป็น Windows ที่มีขนาด Memory และ CPU ที่เท่าๆ กัน OS ที่เป็น Linux/Unix นั้น จะรองรับงานได้น้อยกว่ามากพอสมควร เช่น Windows รับได้ 1000 คนพร้อมๆ กัน แต่ Linux/Unix อาจรับได้ถึง 5000 พร้อมๆกัน หากท่านต้องทำงานหนักๆ ทางผู้พัฒนาแนะนำให้เลือกใช้ Linux/Unix OS จึงจะเหมาะสมกว่า

15. Wamp คือการรวมเอาโปรแกรมที่มีความจำเป็นสำหรับการสร้างเว็บไซต์เข้าไว้ด้วยกันประกอบด้วย Apache  PHP  Mysql PhpMyadmin  ซึ่งโดยปกติแล้วโปรแกรมเหล่านี้จะต้องติดตั้งทีละตัว ทำให้เสียเวลา และปรับแต่งค่า Configuration ค่อนข้างยาก  เมื่อติดตั้ง wamp ซึ่งเป็นไฟล์ .exe  ในเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของเรา สิ่งที่จะได้ประกอบด้วย โปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็น Webserver (Apache) โปรแกรมจัดการฐานข้อมูล (MySql) และโปรแกรม PHP ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้ในการเขียนเว็บไซต์อีกชนิดหนึ่ง สิ่งสำคัญคือต้องเลือกรุ่น หรือเวอร์ชั่นให้ตรงกับระบบปฏิบัติการนั้น ๆ ด้วยครับ

16. XAMPP คือ โปรแกรมจำลองเครื่องตัวเองเป็น WebServer โดยมีตัวโปรแกรมที่ดังกล่าวจะรวมกันเป็น Package เพื่อสะดวกต่อการติดตั้ง อีกทั้งยังมีตัวช่วยในการ Config อัตโนมัติอีกด้วย

- โปรแกรมที่ช่วยจำลองคอมพิวเตอร์ของคุณให้เป็นเหมือนกับเครื่อง Web Server


XAMPP ย่อมาจากอะไร
XAMPP's name is an acronym for:
X (meaning cross-platform)  ประมาณว่าทำมาหลายแพลทฟอร์ม โดยที่ X จะใช้กับ Windows (LAMPP ใช้บน Linux)
A = Apache HTTP Server (ตัว Engine หลักที่เป็นที่ใช้ในการรันเว็บเซฟเวอร์)
M = MySQL
P = PHP
P = Perl Script

XAMPP รวมอะไรมาให้บ้าง

XAMPP ได้ทำการรวม
Version ล่าสุดตอนนี้ http://www.apachefriends.org/en/xampp-windows.html
Apache 2.2.14 (IPv6 enabled) + OpenSSL 0.9.8l
MySQL 5.1.41 + PBXT engine
PHP 5.3.1
phpMyAdmin 3.2.4
Perl 5.10.1
FileZilla FTP Server 0.9.33
Mercury Mail Transport System 4.72


17. XML ย่อมาจาก “Extensible Markup Language” มีต้นแบบมาจาก SGMLเป็นภาษา Markup Language เช่น เช่นเดียวกับ HTML Markup ประกอบด้วยโค้ดหรือที่เรียกว่า แท๊ก (Tag) แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นมันก็ไม่เหมือนกับ HTML เนื่องจาก XML ไม่ได้เพียงแค่แอพพลิเคชั่นของSGML แต่เป็นส่วนหนึ่งหรือส่วนย่อย ของSGML เท่านั้น ดังนั้น XML จึงเป็นภาษาประเภท Metalanguage ภาษาหนึ่งเช่นเดียวกับ SGML ด้วยเหตุนี้เราจึงสามารถนำ XML ไปสร้างภาษาอื่นๆ หรือ Vocabulary ต่างๆได้ 

18. Ajax การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์บนเว็บ
AJAX เป็นโปรแกรมเว็บเป็นเทคนิคการพัฒนาที่ครอบคลุมเทคโนโลยีที่แตกต่างซึ่งทำให้มันน่าสนใจมากขึ้น
Ajax  ประกอบด้วยเทคโนโลยีดังต่อไปนี้
1.  Java Script
2.  XML
3.  CSS
4.  W3C DOM
5.  XMLHttpRequest

เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่รวบรวมจำนวนมากเพื่อที่ว่าทำไมมันจะไม่ง่ายไม่ยาก ใน Ajax,"A"ย่อมาจาก"ตรงกัน"ที่หมายถึงการส่งข้อมูลจากเบราว์เซอร์และการตอบสนองส่งกลับจากเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่ได้เรียงตามลำดับ เมื่อผู้ใช้ทำการร้องขอจากนั้นเซิร์ฟเวอร์สามารถทำงานของตัวเองหรืออาจตอบสนองคำขออื่น ๆ ใน ทำนองเดียวกันเมื่อเซิร์ฟเวอร์ไม่ว่างในการตอบสนองของผู้ใช้อาจทำให้การร้อง ขอต่อไปว่าหมายถึงการร้องขอหรือไม่มีการตอบสนองเป็นซิงโครหรือขึ้นอยู่กับ แต่ละอื่น ๆ

การแลกเปลี่ยนข้อมูลใน AJAX

XML : ใน Ajax, มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้วยความช่วยเหลือของไฟล์ XML ที่มีเทคนิคอื่น ๆ อีกมากมายนอกจากนี้ยังมีเช่น CSV, JSON ฯลฯ เพราะความเรียบง่ายของ XML จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างเซิร์ฟเวอร์และเบราว์เซอร์XML ง่ายมากที่จะฟอร์แมตนำมาใช้ใหม่

DOM : DOM (รูปแบบวัตถุเอกสาร) คือการแสดงเชิงวัตถุของ XML และเอกสาร HTML และให้ API สำหรับเนื้อหาที่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างและรูปแบบ DOM แสดงเอกสาร HTML และ XML เป็นลำดับชั้นของวัตถุซึ่งเป็นที่ง่ายต่อการแยกโดยใช้เครื่องมือ XML

CSS : CSS (Cascading สไตล์ชีต) จะถูกใช้ในเว็บไซต์สำหรับการออกแบบจุดประสงค์เราสามารถใช้ CSS ในเกือบทุกด้านของวิธีการที่หน้าเว็บที่มีลักษณะขนาดสีความกว้างฯลฯ ความยาวของกล่องข้อความพื้นที่การป้อนข้อมูล ฯลฯ . ที่หมายถึงคุณลักษณะของส่วนติดต่อผู้ใช้ทุก ใน AJAX จะเป็นประโยชน์มากที่จะใช้ CSS, คุณสามารถใช้ CSS เป็นเปลี่ยนสีเมื่อตรวจสอบการตรวจสอบในแบบฟอร์มลงทะเบียนและอื่น ๆ

XMLHttpRequest : ซึ่งแตกต่างจากอื่น ๆ หน้าเว็บปกติกับ AJAX, JavaScript ติดต่อสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์โดยใช้วัตถุXMLHttpRequest JavaScript ของ ด้วยความช่วยเหลือของ XMLHttpRequest ที่หน้าเว็บสามารถส่งคำขอและได้รับการตอบสนองจากเซิร์ฟเวอร์ได้โดยไม่ต้องรีเฟรชหน้า วัตถุนี้ได้รับการสนับสนุนโดยทุกเว็บเบราเซอร์ชั้นนำ

JavaScript : เราสามารถพูดได้ว่า JavaScript เป็นจุดหมุนของ AJAX จะดำเนินการและมีบทบาทดังต่อไปนี้
   1. การจัดการ XMLHttpRequest ทำคำขอ HTTP
   2. ใช้ DOM, XSLT หรือวิธีการอื่นใดที่แยกการตอบสนองมาจากเซิร์ฟเวอร์
   3. การนำเสนอการตอบสนองจากเซิร์ฟเวอร์ไปยังส่วนติดต่อผู้ใช้


19. Web Application
คือ การพัฒนาระบบงานบนเว็บ ซึ่งมีข้อดีคือ ข้อมูลต่าง ๆ ในระบบมีการไหลเวียนในแบบ Online ทั้งแบบ Local (ภายในวง LAN) และ Global (ออกไปยังเครือข่ายอินเตอร์เน็ต) ทำให้เหมาะสำหรับงานที่ต้องการข้อมูลแบบ Real Time ระบบมีประสิทธิภาพ แต่ใช้งานง่าย เหมือนกับท่านทำกำลังท่องเว็บ ระบบงานที่พัฒนาขึ้นมาจะตรงกับความต้องการกับหน่วยงาน หรือห้างร้านมากที่สุด ไม่เหมือนกับโปรแกรมสำเร็จรูปทั่วไป ที่มักจะจัดทำระบบในแบบกว้าง ๆ ซึ่งมักจะไม่ตรงกับความต้องการที่แท้จริง ระบบสามารถโต้ตอบกับลูกค้า หรือผู้ใช้บริการแบบ Real Time ทำให้เกิดความประทับใจ เครื่องที่ใช้งานไม่จำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรมใด ๆ เพิ่มเติมทั้งสิ้น
ตัวอย่างระบบงานที่เหมาะกับเว็บ แอพพลิเคชั่น เช่น ระบบการจองสินค้าหรือบริการต่าง ๆ เช่น การจองที่พัก การจองโปรแกรมทัวร์ การจองแผ่น CD-DVD ฯลฯ ระบบงานบุคลากร ระบบงานแผนการตลาด ระบบการสั่งซื้อแบบพิเศษ ระบบงานในโรงเรียน เช่น ระบบงานวัดและประเมินผล ระบบงานปกครอง ระบบงานห้องสมุด ระบบการลงทะเบียน เช็คเกรด ฯลฯ ระบบงานอื่น ๆ ที่ต้องการนำข้อมูลมา Online
ค่าใช้จ่ายในการทำเว็บ แอพพลิเคชั่น ปกติจะใช้วิธีการคำนวณจากขอบเขตของระบบงาน และปริมาณของข้อมูลที่ไหลเวียนในระบบ รวมถึงปัจจัยด้านอื่น ๆ ซึ่งทางเว็บ โปรแกรมเมอร์จะคำนวณราคาออกเป็นงาน ๆ ไป ซึ่งส่วนใหญ่จะมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ต่อไปนี้รวมกัน ค่าจัดทำระบบงาน ค่าชื่อโดเมน และ Web Hosting (ในกรณีจะนำระบบออกทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต) ค่าบริการหลังการขาย ค่า Hardware และอุปกรณ์ด้านเครือข่าย เพิ่มเติม อื่น ๆ

20.  Web server (แม่ข่ายเว็บ) เป็นโปรแกรม ซึ่งใช้แบบจำลอง ลูกข่าย/แม่ข่าย (client/server) และ Hypertext Transfer Protocol (HTTP) ของ World Wide Web ที่ให้บริการไฟล์ที่เป็นรูปแบบเว็บเพจให้ผู้ใช้เว็บ (ซึ่งคอมพิวเตอร์เก็บลูกข่าย HTTP ที่ส่งต่อคำขอ) คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องบนอินเตอร์เน็ตที่เก็บเว็บไซต์ต้องมีโปรแกรมแม่ข่ายเว็บ แม่ข่ายนำตลาด 2 โปรแกรมคือ Apache ที่มีการติดตั้งเป็นแม่ข่ายเว็บอย่างกว้างขวาง และ Internet Information Server (IIS) ของ Microsoft แม่ข่ายเว็บอื่น รวมถึงแม่ข่ายเว็บของ Novell สำหรับผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ Netware และตระกูลของแม่ข่าย Lotus Domino ของ IBM ส่วนใหญ่สำหรับลูกค้าของ OS/390 และ AS/400
แม่ข่ายเว็บมักจะมาเป็นส่วนหนึ่งของแพ็คเกจขนาดใหญ่ของอินเตอร์เน็ต และโปรแกรมที่เกี่ยวอินทราเน็ตสำหรับแม่ข่ายอีเมล์ คำขอดาวน์โหลดสำหรับ File Transfer Protocol (FTP) และการสร้างและเผยแพร่เว็บเพจ การพิจารณาเลือกแม่ข่ายเว็บ รวมถึงการทำได้ดีกับระบบปฏิบัติการและแม่ข่ายอื่น ความสามารถในการควบคุมโปรแกรมด้านแม่ข่าย คุณลักษณะความปลอดภัย การเผยแพร่ search engine และเครื่องมือสร้างไซต์ที่อาจจะมีมาด้วย